วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร(นิยายเรื่องนี้ปิดเนื้อหาการเข้าชม)
เด็กหนุ่มผู้เป็นดุจเศษธุลีในใต้หล้า แต่โชคชะตากลับชักนำมันให้ได้พบดรุณีนางหนึ่ง นางซึ่งกลายเป็นเพื่อนตายและทุกอย่างในชีวิต ทว่าโชคชะตาจะหยุดเพียงแค่นี้จริงหรือ
ผู้เข้าชมรวม
145,241
ผู้เข้าชมเดือนนี้
120
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ สิตา/เยว่หวา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ สิตา/เยว่หวา
"นิยายจีนนำสมัย"
(แจ้งลบ)จุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ คือ ตัวละครที่โดดเด่น ตัวเอก(พระเอก-นางเอก)ทำให้นึกถึง ก้วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง แห่งมังกรหยก ของกิมย้ง อย่างช่วยไม่ได้ แนว สำนวน ไม่ได้เหมือนนิยายจีนยุคคลาสสิก(ก็มังกรหยกนัานล่ะครับ) ที่แปลโดย จำลอง พิศนาคะ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยคสั้นๆแบบโกวเล้งในยุตเฟื่องฟู วิหคดั้นเมฆา จะเหมือนนิยายจีนยุคกลางๆที่รุ่งเรือง สมัยแปลโดย น.นพรัตน์ แล ... อ่านเพิ่มเติม
จุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ คือ ตัวละครที่โดดเด่น ตัวเอก(พระเอก-นางเอก)ทำให้นึกถึง ก้วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง แห่งมังกรหยก ของกิมย้ง อย่างช่วยไม่ได้ แนว สำนวน ไม่ได้เหมือนนิยายจีนยุคคลาสสิก(ก็มังกรหยกนัานล่ะครับ) ที่แปลโดย จำลอง พิศนาคะ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยคสั้นๆแบบโกวเล้งในยุตเฟื่องฟู วิหคดั้นเมฆา จะเหมือนนิยายจีนยุคกลางๆที่รุ่งเรือง สมัยแปลโดย น.นพรัตน์ และ ว.ณ เมืองลุง แต่มีการผสมสานสำนวนการเขียนแบบสมัยใหม่เข้าไปด้วย อารมณ์ขันแทรกได้อย่างลงตัว ฉากที่ค่อนข้างแปลกใหม่ แม้ว่าพล็อตเรื่องอาจจะไม่แปลกใหม่ แต่รายละเอียดต่างหากที่แปลกใหม่น่าอ่าน โดยไม่เสียอรรถรสที่เป็นแก่นของนิยายจีนไป ทำให้เป็นนิยายที่อ่านสนุกและน่าติดตามครับ อ่านน้อยลง
GTWP | 17 ส.ค. 53
26
0
"บทวิจารณ์ วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร"
(แจ้งลบ)วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ของ จันทร์พันฝัน เป็นนิยายกำลังภายเรื่องยาวที่ขณะนี้โพสต์ถึงตอนที่ 34 แล้ว เป็นเรื่องราวของสือหย่งหลุน หลานชายคนหนึ่งของตระกูลสือ หนึ่งในสี่ตระกูลดังของแผ่นดิน กับฟ่านไป่หนิง ลูกศิษย์สาวของหมอเทวะแห่งแผ่นดิน ที่โชคชะตาบันดาลให้มาพบกัน และผูกพันกันด้วยน้ำมิตรและหัวใจ นิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องแปลกที่เริ ... อ่านเพิ่มเติม
วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ของ จันทร์พันฝัน เป็นนิยายกำลังภายเรื่องยาวที่ขณะนี้โพสต์ถึงตอนที่ 34 แล้ว เป็นเรื่องราวของสือหย่งหลุน หลานชายคนหนึ่งของตระกูลสือ หนึ่งในสี่ตระกูลดังของแผ่นดิน กับฟ่านไป่หนิง ลูกศิษย์สาวของหมอเทวะแห่งแผ่นดิน ที่โชคชะตาบันดาลให้มาพบกัน และผูกพันกันด้วยน้ำมิตรและหัวใจ นิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องแปลกที่เริ่มต้นด้วยจุดสูงสุด (climax) ของเรื่อง โดยให้ฟ่านไป่ หนิงและสือหย่งหลุนปะมือกัน และฟ่านไป่หนิงกำลังจะลงมือฆ่าสือหย่งหลุน จากนั้นค่อยเล่าย้อนทวนเหตุการณ์ไปยังวันแรกที่คนทั้งคู่พบกันและกลายเป็นสหายสนิท ซึ่งพัฒนาไปสู่การเป็นคนรู้ใจกันในที่สุด หากผู้ที่เคยอ่านนิยายกำลังภายในรุ่นคลาสสิกของจีน ก็คงหนีไม่พ้นผลงานของปรมาจารย์อย่าง โกวเล้ง และกิมย้ง จะพบว่าผลงานที่โดดเด่นเหล่านี้เกิดมาจาก 2 สาเหตุที่สำคัญ คือ การสร้างตัวละครที่มีบุคลิกที่ชัดเจน และมีมิติที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าตัวละครเหล่านั้นมีชีวิตอยู่จริง จนกลายเป็นที่จดจำไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเอก หรือว่าตัวประกอบ ดังเช่นเรื่อง มังกรหยก แม้ว่าจะมีตัวละครจำนวนมากพอๆกับนิยายเรื่องนี้ แต่ผู้อ่านก็สามารถที่จะจำตัวละครเหล่านั้นได้เกือบทั้งหมด เพราะว่าตัวละครแต่ละตัวต่างมีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่น เหตุผลอีกประการหนึ่งคือ เรื่องราวเหล่านั้นมักจะแฝงคุณธรรมในการดำเนินชีวิต และเรื่องราวของน้ำมิตรของตัวละครอยู่เสมอ การนำเสนอความคิดในเรื่องคุณธรรมในการดำเนินชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อมิตร หน้าที่ของอาจารย์ หน้าที่ของศิษย์ หน้าที่ของบุตร สามี หรือ ภรรยา และ หน้าที่ของกษัตริย์และขุนนาง เป็นต้น เนื่องจากค่านิยมในสังคมจีนจะใช้คุณธรรมกำกับวิถีการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ ในกรณีนี้อาจกล่าวได้ว่า วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร สามารถเข้าถึงหัวใจของงานประเภทนี้ ในแง่ของการแฝงคุณธรรมการดำเนินชีวิตในเรื่อง มากกว่าการสร้างตัวละคร เนื่องจากในเรื่องพบแง่มมุมของคุณธรรมในหลากหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมิตรระหว่างสือหย่งหลุน และฟ่านไป่หนิง คุณธรรมของแพทย์ที่พยายามรักษาคนเจ็บให้หายมากกว่าเห็นแก่ยศฐาบรรดาศักดิ์หรืออามิสสินจ้างใดๆ ความจงรักภักดีระหว่างลูกพรรคกับเจ้าสำนัก ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าพรรค แม้ว่าเขาจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ในการสร้างตัวละครพบว่ายังไม่พบว่ามีตัวละครตัวใดเลยที่ถูกชุบให้มีชีวิตขึ้นมาอย่างชัดเจน และมากพอที่จะให้สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านอย่างไม่รู้ลืม แม้ว่า จันทร์พันฝัน จะพยายามเน้นย้ำให้เห็นว่าสือหย่งหลุนเป็นคนซื่อตรงและยึดมั่นในคุณธรรม แต่ไม่ทันคน จนถูกหลอกได้ง่าย และมักถูกผู้อื่นเอาเปรียบอยู่เสมอ ขณะที่ฟ่านไป่หนิงเป็นคนฉลาด ชอบแกล้งผู้คน และเอาตัวรอดได้ ในที่นี้สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่ายังขาดไปคือ ผู้อ่านยังไม่เห็นพัฒนาการทางอารมณ์และสติปัญญาของตัวละครที่แสดงให้เห็นวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและยากลำบากมากขึ้นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันตัวละครประกอบตัวอื่นๆ แม้จะมีบุคลิกที่โดดเด่นและหลากหลายต่างกันออกไป แต่ก็ยังไม่เป็นที่จดจำมากเท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะมีจำนวนตัวละครมากเกินกว่าที่จะจดจำได้ทั้งหมด และตัวละครส่วนใหญ่ก็มีบทบาทไม่มากนัก สำหรับตัวละครที่ผู้อ่านพอจำได้ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครที่เด่นจริงๆ หรือมีโอกาสปรากฏตัวในเรื่องมากกว่าตัวละครตัวอื่น เช่น ซินแสเทวะเจ้าจื้อสุย และ สามจางเค่อ สิ่งที่สร้างความโดดเด่นให้กับนิยายเรื่องนี้อย่างมากคือ ความสามารถในการเขียนของ จันทร์พันฝัน ซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเขียนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบทบรรยายหรือบทสนทนา ก็สามารถที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆออกมาได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะบรรยายให้ผู้อ่านเห็นภาพทั้งฉาก บรรยากาศ และตัวละครที่ปรากฏได้อย่างละเอียด จนสามารถเห็นภาพตามไปด้วยไม่ยากนัก นอกจากนี้ยังมีคลังคำเป็นจำนวนมากที่สามารถเลือกสรรถ้อยคำมาใช้ได้เหมาะสมกับบริบทและเนื้อหา ทั้งยังคงใส่ใจและระมัดระวังในเรื่องความถูกต้องของการเขียน จึงพบว่ามีคำผิดน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณเนื้อหาจำนวนมากที่นำเสนอ และเพื่อให้เรื่องนี้สมบูรณ์มากขึ้นจึงขอกล่าวถึงคำผิดที่พบเพื่อห้นักเขียนก้ไข ดังนี้ กระหยิ่มยิ้มย่อง เขียนเป็น กระยิ่มยิ้มย่อง ทะเลสาบ เขียนเป็น ทะเลสาป อุปโลกน์ เขียนเป็น อุปโลก ปีติ เขียนเป็น ปิติ ลาดตะเวน เขียนเป็น ลาดตะเวณ คำนวณ เขียนเป็น คำนวน ขะมักเขม้น เขียนเป็น ขมักเขม้น กะทันหัน เขียนเป็น กระทันหัน ปลอดโปร่ง เขียนเป็น ปลอดโปล่ง พยักเพยิด เขียนเป็น พยักเผยิด หืม เขียนเป็น หืมม์ อาวุโส เขียนเป็น อวุโส กิตติศัพท์ เขียนเป็น กิติศัพท์ สัญชาตญาณ เขียนเป็น สัญชาติญาณ กล้าแข็ง เขียนเป็น กร้าแข็ง กล้าแกร่ง เขียนเป็น กร่าแกร่ง ดาษดื่น เขียนเป็น ดาดดื่น กระตือรือร้น เขียนเป็น กระตือรือล้น วิ่งปรู้ด เขียนเป็น วิ่งปรูด และ กาลเทศะ เขียนเป็น กาละเทศะ และบางประโยคยังมีการเลือกใช้คำบางคำที่ไม่เหมาะกับบริบทอยู่บ้าง เช่น ชาวยุทธที่เชี่ยวกรำในวงการ น่าจะใช้ว่า ชาวยุทธที่ผาดโผนอยู่ในวงการมาช้านาน อีกประโยคหนึ่งคือ หมู่ตึก...ผ่านการขัดเกลามา น่าจะเปลี่ยนเป็น หมู่ตึก...ผ่านการดูแลรักษา หรือ หมู่ตึก ... ผ่านการบูรณะดูแล นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตประการหนึ่งที่อยากจะแลกเปลี่ยนคือ กระบี่วิเศษของสำนักง้อไบ้ ที่ในนิยายเรื่องนี้ระบุว่าชื่อ “กระบี่พิสุทธิ์สิ้นปรารถนา” นั้น หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบผลงานกำลังภายใน เมื่อกล่าวถึงกระบี่วิเศษของสำนักง้อไบ้ ก็จะนึกถึงกระบี่อิงฟ้าทันที โดยส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้จะน่าติดตามมากขึ้นกว่านี้ ถ้า จันทร์พันฝัน จะเลือกนำเสนอโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อยจำนวนไม่มากนัก เพราะว่าจะช่วยให้เรื่องดำเนินไปอย่างกระชับและเน้นเฉพาะประเด็นหลักที่ต้องการนำเสนอเท่านั้น จะเห็นได้ว่า แม้ว่านิยายเรื่องนี้จะดำเนินไปถึงตอนที่ 34 แล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใกล้จุดที่จะเป็นชนวนเหตุให้ทั้งฟ่านไป่หนิงและสือหย่นหลุนต้องมาแต่หักจนถึงขั้นจะฆ่าฟันกันเองได้เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะนิยายเรื่องนี้มีโครงเรื่องย่อยเป็นจำนวนมากที่แทรกอยู่ในโครงเรื่องหลัก โดยส่วนตัวเห็นว่าโครงเรื่องหลักที่ จันทร์พันฝัน ต้องการนำเสนอคือ เรื่องราวการพัฒนาพลังฝีมีอของสือหย่งหลุนว่าวันใดที่เขาจะได้เป็นดั่งวิหกดั้นเมฆา จนเป็นผู้ที่สามารถไปสู่จุดสูงสุดได้ดังหวังและตั้งใจ เนื่องจากเขาต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งของตระกูลมาตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อล้างแค้นศัตรูที่ฆ่าบิดาและบ่าวไพร่ในตระกูลอีก 13 ชีวิตที่ถูกฆ่าในคืนเดียวอย่างลึกลับ ขณะเดียวกันเหตุการณ์ครั้งนั้นยังส่งผลให้เขาไม่สามารถที่จะก้าวหน้าในวิชายุทธได้อย่างตั้งใจ แม้ว่าจะอดทน ขยันและทุ่มเทเพียงใดก็ตาม เพราะร่างกายได้รับปราณพิษ ทำให้ไม่สามารถโคจรพลังวัตรได้ครบรอบ ซึ่งปราณพิษนี้ก็เป็นเงื่อนปมสำคัญที่จะนำไปสู่ศัตรูของเขาได้ ด้วยเหตุนี้ จุดเน้นของเรื่องน่าจะอยู่ที่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสือหย่งหลุนกับฟ่านไป่หนิง ไปพร้อมๆกับการพัฒนาพลังยุทธและสืบหาศัตรูที่ฆ่าพ่อของตน แค่นี้เรื่องก็มีขนาดใหญ่มากพอแล้ว หาก จันทร์พันฝัน ยังเสียดายโครงเรื่องย่อยอื่นๆที่วางแผนไว้แล้ว ก็สามารถนำโครงเรื่องย่อยเหล่านั้นมาพัฒนาเป็นเรื่องแยกกันเป็นเอกเทศ ก็จะได้นิยายชุดของตัวละครกลุ่มนี้อีกหลายเรื่อง แต่ถ้า จันทร์พันฝัน ยังคงยืนยันที่จะดำเนินเรื่องอย่างที่ตั้งใจไว้ต่อไป ก็คงต้องแนะนำว่าการเขียนนิยายขนาดยาวที่มีโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อยจำนวนมากเช่นนี้ โครงเรื่องย่อยๆที่สร้างขึ้นมาเหล่านั้นมีหน้าที่สำคัญในการสนับสนุนโครงเรื่องใหญ่ หรือหากเรื่องราวในโครงเรื่องย่อยแยกออกจากโครงเรื่องใหญ่ ก็จำเป็นต้องการจุดร่วมระหว่างเรื่องเหล่านั้นให้ได้ เมื่อพิจารณา วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ที่ดำเนินเรื่องจนถึงขณะนี้จะพบว่ามีโครงเรื่องย่อยแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อนับจากเริ่มต้นจนถึงตอนปัจจุบันพบว่า มีโครงเรื่องย่อยๆ ที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆเกือบสิบเรื่องแล้ว นับตั้งแต่การเสาะหาต้นสามใบไร้รากเพื่อรักษาอาการของฟ่านไป่หนิง การตามไปหาพ่อแม่ของฟ่านไป่หนิงที่ไปรักษาตัวอยู่ที่เกาะสิ้นสวรรค์ ความขัดแย้งระหว่างตระกูลสือกับตระกูลโต่ว แผนการของสมาคมรัตติกาลกับเรื่องราวของยุทธภพ ความลับของสกุลทัง การลอบทำร้ายองค์ชาย เรื่องราวของหมอเทวะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของจินถู่ซือไถ่ เจ้าสำหนักง้อไบ้กับซู่อี้เนียง ศิษย์สาวแห่งตระกูลซู่ที่ถูกดักลอบทำร้าย และยังมีบางเหตุการณ์ที่ผูกพันกับราชสำนักด้วย อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงของ จันทร์พันฝัน ที่จะร้อยเรื่องราวเหล่านี้ให้เป็นหนึ่งเดียว จึงทำให้โครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อยในที่นี้ยังมีลักษณะที่แยกกันอยู่เป็นเอกเทศ ซึ่งส่งผลให้เรื่องดูเยิ่นเย้อไม่กระชับ และมีแนวโน้มว่าจะขยายออกไปเรื่อยๆ มากกว่าที่จะเปิดเรื่องเป็นภาพกว้างแล้วค่อยๆ กระชับหรือขมวดเรื่องที่เปิดทิ้งไว้มารวมกันที่จุดศูนย์กลางอันเป็นหัวใจหรือแก่นเรื่องที่ต้องการนำเสนอ ทั้งนี้เห็นว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้มีความยาวมากจนเยิ่นเย้อ เนื่องจาก จันทร์พันฝัน ใส่ใจกับการอธิบายทุกๆเหตุการณ์ที่กล่าวถึงอย่างละเอียด แม้ว่าบางเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญกับโครงเรื่องหลักหรือแก่นเรื่องที่ต้องการเสนอ ทั้งๆที่เหตุการณ์เหล่านั้นสามารถกล่าวถึงเพียงคร่าวๆ หรือกล่าวถึงอย่างรวบรัดบ้างก็ได้ เช่น ลูกแก้วน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องราวของตระกูลทัง นอกจากนี้ เนื้อหาในเรื่องไม่เพียงแต่กล่าวถึงความสำคัญของตระกูลสือ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงเรื่องราวสัมผัสไปยังตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลด้วย ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับยุทธภพอย่างใกล้ชิด จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวถึงพรรคใหญ่ๆ ของยุทธภพอีก จึงทำให้ตัวละครในเรื่องนี้มีเป็นจำนวนมาก และค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ขณะเดียวกันตัวละครที่เปิดตัวไปแล้วก็ยังมีความสำคัญกับเรื่องต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่า จันทร์พันฝัน น่าเริ่มที่จะขมวดปมปัญหาบางข้อที่เปิดไว้ได้แล้ว เพื่อที่จะลดขนาดของเรื่องลง ขณะเดียวกันก็อาจจำเป็นต้องทยอยปิดบทบาทของตัวละครบางตัวในเรื่องไปพร้อมกันด้วย ไม่เช่นนั้นกว่าจะจบเรื่องก็จะมีตัวละครที่ยังมีบทบาทและโลดแล่นอยู่ไม่ต่ำกว่า 50 ตัวเป็นแน่ ซึ่งปริมาณเรื่องที่แผ่ขยายกว้างออกไปกับจำนวนตัวละครที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นั้น เริ่มสร้างปัญหาให้กับผู้อ่านบ้างแล้ว เพราะจำตัวละครที่มีชื่อคล้ายกันสับสน หรือบางครั้งก็จำชื่อตัวละครบางตัวไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครที่โผล่ขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่มีความสำคัญกับเรื่องมากนัก โดยสรุปต้องยอมรับว่า จันทร์พันฝัน นับว่าเป็นนักเขียนที่มีทักษะการเขียนที่ดี และสามารถเขียนงานแนวนี้ได้ แต่ด้วยประสบการณ์การเขียนที่ยังไม่มากนัก จึงถ่ายทอดทุกๆอย่างที่อยากนำเสนอไว้ในนิยายเพียงเรื่องเดียว ซึ่งนับเป็นปัญหาที่นักเขียนหน้าใหม่ส่วนใหญ่เผชิญกันมาแล้วทั้งนั้น จึงอยากให้ระลึกไว้เสมอว่ายิ่งเรื่องเยิ่นเย้อมากเท่าใด ก็ส่งผลให้ผู้อ่านเกิดความเบื่อหน่ายได้มากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้ จันทร์พันฝัน ลองทบทวนและถามตัวเองอีกครั้งว่าเรื่องใดกันแน่ที่ต้องการนำเสนอจริงๆ เมื่อเลือกได้แล้วก็มุ่งความสนใจไปที่เรื่องนั้นเป็นอันดับแรก โดยพยายามตัดเรื่องย่อยๆ อื่นๆที่อยากกล่าวถึงออกไปก่อน ก็จะช่วยสร้างให้เรื่องนี้กระชับมากขึ้นได้ ----------------------------------- อ่านน้อยลง
bluewhale | 29 ธ.ค. 53
17
1
ดูทั้งหมด
"บทวิจารณ์ วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร"
(แจ้งลบ)วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ของ จันทร์พันฝัน เป็นนิยายกำลังภายเรื่องยาวที่ขณะนี้โพสต์ถึงตอนที่ 34 แล้ว เป็นเรื่องราวของสือหย่งหลุน หลานชายคนหนึ่งของตระกูลสือ หนึ่งในสี่ตระกูลดังของแผ่นดิน กับฟ่านไป่หนิง ลูกศิษย์สาวของหมอเทวะแห่งแผ่นดิน ที่โชคชะตาบันดาลให้มาพบกัน และผูกพันกันด้วยน้ำมิตรและหัวใจ นิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องแปลกที่เริ ... อ่านเพิ่มเติม
วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ของ จันทร์พันฝัน เป็นนิยายกำลังภายเรื่องยาวที่ขณะนี้โพสต์ถึงตอนที่ 34 แล้ว เป็นเรื่องราวของสือหย่งหลุน หลานชายคนหนึ่งของตระกูลสือ หนึ่งในสี่ตระกูลดังของแผ่นดิน กับฟ่านไป่หนิง ลูกศิษย์สาวของหมอเทวะแห่งแผ่นดิน ที่โชคชะตาบันดาลให้มาพบกัน และผูกพันกันด้วยน้ำมิตรและหัวใจ นิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องแปลกที่เริ่มต้นด้วยจุดสูงสุด (climax) ของเรื่อง โดยให้ฟ่านไป่ หนิงและสือหย่งหลุนปะมือกัน และฟ่านไป่หนิงกำลังจะลงมือฆ่าสือหย่งหลุน จากนั้นค่อยเล่าย้อนทวนเหตุการณ์ไปยังวันแรกที่คนทั้งคู่พบกันและกลายเป็นสหายสนิท ซึ่งพัฒนาไปสู่การเป็นคนรู้ใจกันในที่สุด หากผู้ที่เคยอ่านนิยายกำลังภายในรุ่นคลาสสิกของจีน ก็คงหนีไม่พ้นผลงานของปรมาจารย์อย่าง โกวเล้ง และกิมย้ง จะพบว่าผลงานที่โดดเด่นเหล่านี้เกิดมาจาก 2 สาเหตุที่สำคัญ คือ การสร้างตัวละครที่มีบุคลิกที่ชัดเจน และมีมิติที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าตัวละครเหล่านั้นมีชีวิตอยู่จริง จนกลายเป็นที่จดจำไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเอก หรือว่าตัวประกอบ ดังเช่นเรื่อง มังกรหยก แม้ว่าจะมีตัวละครจำนวนมากพอๆกับนิยายเรื่องนี้ แต่ผู้อ่านก็สามารถที่จะจำตัวละครเหล่านั้นได้เกือบทั้งหมด เพราะว่าตัวละครแต่ละตัวต่างมีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่น เหตุผลอีกประการหนึ่งคือ เรื่องราวเหล่านั้นมักจะแฝงคุณธรรมในการดำเนินชีวิต และเรื่องราวของน้ำมิตรของตัวละครอยู่เสมอ การนำเสนอความคิดในเรื่องคุณธรรมในการดำเนินชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อมิตร หน้าที่ของอาจารย์ หน้าที่ของศิษย์ หน้าที่ของบุตร สามี หรือ ภรรยา และ หน้าที่ของกษัตริย์และขุนนาง เป็นต้น เนื่องจากค่านิยมในสังคมจีนจะใช้คุณธรรมกำกับวิถีการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ ในกรณีนี้อาจกล่าวได้ว่า วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร สามารถเข้าถึงหัวใจของงานประเภทนี้ ในแง่ของการแฝงคุณธรรมการดำเนินชีวิตในเรื่อง มากกว่าการสร้างตัวละคร เนื่องจากในเรื่องพบแง่มมุมของคุณธรรมในหลากหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมิตรระหว่างสือหย่งหลุน และฟ่านไป่หนิง คุณธรรมของแพทย์ที่พยายามรักษาคนเจ็บให้หายมากกว่าเห็นแก่ยศฐาบรรดาศักดิ์หรืออามิสสินจ้างใดๆ ความจงรักภักดีระหว่างลูกพรรคกับเจ้าสำนัก ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าพรรค แม้ว่าเขาจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ในการสร้างตัวละครพบว่ายังไม่พบว่ามีตัวละครตัวใดเลยที่ถูกชุบให้มีชีวิตขึ้นมาอย่างชัดเจน และมากพอที่จะให้สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านอย่างไม่รู้ลืม แม้ว่า จันทร์พันฝัน จะพยายามเน้นย้ำให้เห็นว่าสือหย่งหลุนเป็นคนซื่อตรงและยึดมั่นในคุณธรรม แต่ไม่ทันคน จนถูกหลอกได้ง่าย และมักถูกผู้อื่นเอาเปรียบอยู่เสมอ ขณะที่ฟ่านไป่หนิงเป็นคนฉลาด ชอบแกล้งผู้คน และเอาตัวรอดได้ ในที่นี้สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่ายังขาดไปคือ ผู้อ่านยังไม่เห็นพัฒนาการทางอารมณ์และสติปัญญาของตัวละครที่แสดงให้เห็นวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและยากลำบากมากขึ้นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันตัวละครประกอบตัวอื่นๆ แม้จะมีบุคลิกที่โดดเด่นและหลากหลายต่างกันออกไป แต่ก็ยังไม่เป็นที่จดจำมากเท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะมีจำนวนตัวละครมากเกินกว่าที่จะจดจำได้ทั้งหมด และตัวละครส่วนใหญ่ก็มีบทบาทไม่มากนัก สำหรับตัวละครที่ผู้อ่านพอจำได้ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครที่เด่นจริงๆ หรือมีโอกาสปรากฏตัวในเรื่องมากกว่าตัวละครตัวอื่น เช่น ซินแสเทวะเจ้าจื้อสุย และ สามจางเค่อ สิ่งที่สร้างความโดดเด่นให้กับนิยายเรื่องนี้อย่างมากคือ ความสามารถในการเขียนของ จันทร์พันฝัน ซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเขียนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบทบรรยายหรือบทสนทนา ก็สามารถที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆออกมาได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะบรรยายให้ผู้อ่านเห็นภาพทั้งฉาก บรรยากาศ และตัวละครที่ปรากฏได้อย่างละเอียด จนสามารถเห็นภาพตามไปด้วยไม่ยากนัก นอกจากนี้ยังมีคลังคำเป็นจำนวนมากที่สามารถเลือกสรรถ้อยคำมาใช้ได้เหมาะสมกับบริบทและเนื้อหา ทั้งยังคงใส่ใจและระมัดระวังในเรื่องความถูกต้องของการเขียน จึงพบว่ามีคำผิดน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณเนื้อหาจำนวนมากที่นำเสนอ และเพื่อให้เรื่องนี้สมบูรณ์มากขึ้นจึงขอกล่าวถึงคำผิดที่พบเพื่อห้นักเขียนก้ไข ดังนี้ กระหยิ่มยิ้มย่อง เขียนเป็น กระยิ่มยิ้มย่อง ทะเลสาบ เขียนเป็น ทะเลสาป อุปโลกน์ เขียนเป็น อุปโลก ปีติ เขียนเป็น ปิติ ลาดตะเวน เขียนเป็น ลาดตะเวณ คำนวณ เขียนเป็น คำนวน ขะมักเขม้น เขียนเป็น ขมักเขม้น กะทันหัน เขียนเป็น กระทันหัน ปลอดโปร่ง เขียนเป็น ปลอดโปล่ง พยักเพยิด เขียนเป็น พยักเผยิด หืม เขียนเป็น หืมม์ อาวุโส เขียนเป็น อวุโส กิตติศัพท์ เขียนเป็น กิติศัพท์ สัญชาตญาณ เขียนเป็น สัญชาติญาณ กล้าแข็ง เขียนเป็น กร้าแข็ง กล้าแกร่ง เขียนเป็น กร่าแกร่ง ดาษดื่น เขียนเป็น ดาดดื่น กระตือรือร้น เขียนเป็น กระตือรือล้น วิ่งปรู้ด เขียนเป็น วิ่งปรูด และ กาลเทศะ เขียนเป็น กาละเทศะ และบางประโยคยังมีการเลือกใช้คำบางคำที่ไม่เหมาะกับบริบทอยู่บ้าง เช่น ชาวยุทธที่เชี่ยวกรำในวงการ น่าจะใช้ว่า ชาวยุทธที่ผาดโผนอยู่ในวงการมาช้านาน อีกประโยคหนึ่งคือ หมู่ตึก...ผ่านการขัดเกลามา น่าจะเปลี่ยนเป็น หมู่ตึก...ผ่านการดูแลรักษา หรือ หมู่ตึก ... ผ่านการบูรณะดูแล นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตประการหนึ่งที่อยากจะแลกเปลี่ยนคือ กระบี่วิเศษของสำนักง้อไบ้ ที่ในนิยายเรื่องนี้ระบุว่าชื่อ “กระบี่พิสุทธิ์สิ้นปรารถนา” นั้น หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบผลงานกำลังภายใน เมื่อกล่าวถึงกระบี่วิเศษของสำนักง้อไบ้ ก็จะนึกถึงกระบี่อิงฟ้าทันที โดยส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้จะน่าติดตามมากขึ้นกว่านี้ ถ้า จันทร์พันฝัน จะเลือกนำเสนอโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อยจำนวนไม่มากนัก เพราะว่าจะช่วยให้เรื่องดำเนินไปอย่างกระชับและเน้นเฉพาะประเด็นหลักที่ต้องการนำเสนอเท่านั้น จะเห็นได้ว่า แม้ว่านิยายเรื่องนี้จะดำเนินไปถึงตอนที่ 34 แล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใกล้จุดที่จะเป็นชนวนเหตุให้ทั้งฟ่านไป่หนิงและสือหย่นหลุนต้องมาแต่หักจนถึงขั้นจะฆ่าฟันกันเองได้เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะนิยายเรื่องนี้มีโครงเรื่องย่อยเป็นจำนวนมากที่แทรกอยู่ในโครงเรื่องหลัก โดยส่วนตัวเห็นว่าโครงเรื่องหลักที่ จันทร์พันฝัน ต้องการนำเสนอคือ เรื่องราวการพัฒนาพลังฝีมีอของสือหย่งหลุนว่าวันใดที่เขาจะได้เป็นดั่งวิหกดั้นเมฆา จนเป็นผู้ที่สามารถไปสู่จุดสูงสุดได้ดังหวังและตั้งใจ เนื่องจากเขาต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งของตระกูลมาตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อล้างแค้นศัตรูที่ฆ่าบิดาและบ่าวไพร่ในตระกูลอีก 13 ชีวิตที่ถูกฆ่าในคืนเดียวอย่างลึกลับ ขณะเดียวกันเหตุการณ์ครั้งนั้นยังส่งผลให้เขาไม่สามารถที่จะก้าวหน้าในวิชายุทธได้อย่างตั้งใจ แม้ว่าจะอดทน ขยันและทุ่มเทเพียงใดก็ตาม เพราะร่างกายได้รับปราณพิษ ทำให้ไม่สามารถโคจรพลังวัตรได้ครบรอบ ซึ่งปราณพิษนี้ก็เป็นเงื่อนปมสำคัญที่จะนำไปสู่ศัตรูของเขาได้ ด้วยเหตุนี้ จุดเน้นของเรื่องน่าจะอยู่ที่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสือหย่งหลุนกับฟ่านไป่หนิง ไปพร้อมๆกับการพัฒนาพลังยุทธและสืบหาศัตรูที่ฆ่าพ่อของตน แค่นี้เรื่องก็มีขนาดใหญ่มากพอแล้ว หาก จันทร์พันฝัน ยังเสียดายโครงเรื่องย่อยอื่นๆที่วางแผนไว้แล้ว ก็สามารถนำโครงเรื่องย่อยเหล่านั้นมาพัฒนาเป็นเรื่องแยกกันเป็นเอกเทศ ก็จะได้นิยายชุดของตัวละครกลุ่มนี้อีกหลายเรื่อง แต่ถ้า จันทร์พันฝัน ยังคงยืนยันที่จะดำเนินเรื่องอย่างที่ตั้งใจไว้ต่อไป ก็คงต้องแนะนำว่าการเขียนนิยายขนาดยาวที่มีโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อยจำนวนมากเช่นนี้ โครงเรื่องย่อยๆที่สร้างขึ้นมาเหล่านั้นมีหน้าที่สำคัญในการสนับสนุนโครงเรื่องใหญ่ หรือหากเรื่องราวในโครงเรื่องย่อยแยกออกจากโครงเรื่องใหญ่ ก็จำเป็นต้องการจุดร่วมระหว่างเรื่องเหล่านั้นให้ได้ เมื่อพิจารณา วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ที่ดำเนินเรื่องจนถึงขณะนี้จะพบว่ามีโครงเรื่องย่อยแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อนับจากเริ่มต้นจนถึงตอนปัจจุบันพบว่า มีโครงเรื่องย่อยๆ ที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆเกือบสิบเรื่องแล้ว นับตั้งแต่การเสาะหาต้นสามใบไร้รากเพื่อรักษาอาการของฟ่านไป่หนิง การตามไปหาพ่อแม่ของฟ่านไป่หนิงที่ไปรักษาตัวอยู่ที่เกาะสิ้นสวรรค์ ความขัดแย้งระหว่างตระกูลสือกับตระกูลโต่ว แผนการของสมาคมรัตติกาลกับเรื่องราวของยุทธภพ ความลับของสกุลทัง การลอบทำร้ายองค์ชาย เรื่องราวของหมอเทวะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของจินถู่ซือไถ่ เจ้าสำหนักง้อไบ้กับซู่อี้เนียง ศิษย์สาวแห่งตระกูลซู่ที่ถูกดักลอบทำร้าย และยังมีบางเหตุการณ์ที่ผูกพันกับราชสำนักด้วย อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงของ จันทร์พันฝัน ที่จะร้อยเรื่องราวเหล่านี้ให้เป็นหนึ่งเดียว จึงทำให้โครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อยในที่นี้ยังมีลักษณะที่แยกกันอยู่เป็นเอกเทศ ซึ่งส่งผลให้เรื่องดูเยิ่นเย้อไม่กระชับ และมีแนวโน้มว่าจะขยายออกไปเรื่อยๆ มากกว่าที่จะเปิดเรื่องเป็นภาพกว้างแล้วค่อยๆ กระชับหรือขมวดเรื่องที่เปิดทิ้งไว้มารวมกันที่จุดศูนย์กลางอันเป็นหัวใจหรือแก่นเรื่องที่ต้องการนำเสนอ ทั้งนี้เห็นว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้มีความยาวมากจนเยิ่นเย้อ เนื่องจาก จันทร์พันฝัน ใส่ใจกับการอธิบายทุกๆเหตุการณ์ที่กล่าวถึงอย่างละเอียด แม้ว่าบางเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญกับโครงเรื่องหลักหรือแก่นเรื่องที่ต้องการเสนอ ทั้งๆที่เหตุการณ์เหล่านั้นสามารถกล่าวถึงเพียงคร่าวๆ หรือกล่าวถึงอย่างรวบรัดบ้างก็ได้ เช่น ลูกแก้วน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องราวของตระกูลทัง นอกจากนี้ เนื้อหาในเรื่องไม่เพียงแต่กล่าวถึงความสำคัญของตระกูลสือ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงเรื่องราวสัมผัสไปยังตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลด้วย ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับยุทธภพอย่างใกล้ชิด จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวถึงพรรคใหญ่ๆ ของยุทธภพอีก จึงทำให้ตัวละครในเรื่องนี้มีเป็นจำนวนมาก และค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ขณะเดียวกันตัวละครที่เปิดตัวไปแล้วก็ยังมีความสำคัญกับเรื่องต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่า จันทร์พันฝัน น่าเริ่มที่จะขมวดปมปัญหาบางข้อที่เปิดไว้ได้แล้ว เพื่อที่จะลดขนาดของเรื่องลง ขณะเดียวกันก็อาจจำเป็นต้องทยอยปิดบทบาทของตัวละครบางตัวในเรื่องไปพร้อมกันด้วย ไม่เช่นนั้นกว่าจะจบเรื่องก็จะมีตัวละครที่ยังมีบทบาทและโลดแล่นอยู่ไม่ต่ำกว่า 50 ตัวเป็นแน่ ซึ่งปริมาณเรื่องที่แผ่ขยายกว้างออกไปกับจำนวนตัวละครที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นั้น เริ่มสร้างปัญหาให้กับผู้อ่านบ้างแล้ว เพราะจำตัวละครที่มีชื่อคล้ายกันสับสน หรือบางครั้งก็จำชื่อตัวละครบางตัวไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครที่โผล่ขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่มีความสำคัญกับเรื่องมากนัก โดยสรุปต้องยอมรับว่า จันทร์พันฝัน นับว่าเป็นนักเขียนที่มีทักษะการเขียนที่ดี และสามารถเขียนงานแนวนี้ได้ แต่ด้วยประสบการณ์การเขียนที่ยังไม่มากนัก จึงถ่ายทอดทุกๆอย่างที่อยากนำเสนอไว้ในนิยายเพียงเรื่องเดียว ซึ่งนับเป็นปัญหาที่นักเขียนหน้าใหม่ส่วนใหญ่เผชิญกันมาแล้วทั้งนั้น จึงอยากให้ระลึกไว้เสมอว่ายิ่งเรื่องเยิ่นเย้อมากเท่าใด ก็ส่งผลให้ผู้อ่านเกิดความเบื่อหน่ายได้มากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้ จันทร์พันฝัน ลองทบทวนและถามตัวเองอีกครั้งว่าเรื่องใดกันแน่ที่ต้องการนำเสนอจริงๆ เมื่อเลือกได้แล้วก็มุ่งความสนใจไปที่เรื่องนั้นเป็นอันดับแรก โดยพยายามตัดเรื่องย่อยๆ อื่นๆที่อยากกล่าวถึงออกไปก่อน ก็จะช่วยสร้างให้เรื่องนี้กระชับมากขึ้นได้ ----------------------------------- อ่านน้อยลง
bluewhale | 29 ธ.ค. 53
17
1
"นิยายจีนนำสมัย"
(แจ้งลบ)จุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ คือ ตัวละครที่โดดเด่น ตัวเอก(พระเอก-นางเอก)ทำให้นึกถึง ก้วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง แห่งมังกรหยก ของกิมย้ง อย่างช่วยไม่ได้ แนว สำนวน ไม่ได้เหมือนนิยายจีนยุคคลาสสิก(ก็มังกรหยกนัานล่ะครับ) ที่แปลโดย จำลอง พิศนาคะ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยคสั้นๆแบบโกวเล้งในยุตเฟื่องฟู วิหคดั้นเมฆา จะเหมือนนิยายจีนยุคกลางๆที่รุ่งเรือง สมัยแปลโดย น.นพรัตน์ แล ... อ่านเพิ่มเติม
จุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ คือ ตัวละครที่โดดเด่น ตัวเอก(พระเอก-นางเอก)ทำให้นึกถึง ก้วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง แห่งมังกรหยก ของกิมย้ง อย่างช่วยไม่ได้ แนว สำนวน ไม่ได้เหมือนนิยายจีนยุคคลาสสิก(ก็มังกรหยกนัานล่ะครับ) ที่แปลโดย จำลอง พิศนาคะ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยคสั้นๆแบบโกวเล้งในยุตเฟื่องฟู วิหคดั้นเมฆา จะเหมือนนิยายจีนยุคกลางๆที่รุ่งเรือง สมัยแปลโดย น.นพรัตน์ และ ว.ณ เมืองลุง แต่มีการผสมสานสำนวนการเขียนแบบสมัยใหม่เข้าไปด้วย อารมณ์ขันแทรกได้อย่างลงตัว ฉากที่ค่อนข้างแปลกใหม่ แม้ว่าพล็อตเรื่องอาจจะไม่แปลกใหม่ แต่รายละเอียดต่างหากที่แปลกใหม่น่าอ่าน โดยไม่เสียอรรถรสที่เป็นแก่นของนิยายจีนไป ทำให้เป็นนิยายที่อ่านสนุกและน่าติดตามครับ อ่านน้อยลง
GTWP | 17 ส.ค. 53
26
0
ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น